บันทึกการเรียน ครั้งที่  10
วันศุกร์ ที่  17 มีนาคม 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.
ความรู้ที่ได้รับ

  • การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม สำหรับเด็กปฐมวัย
กิจกรรมวาดภาพดอกบัว


ในภาพอาจจะมี ดอกไม้
ผลงานของนรากุล
  • กิจกรรมวาดภาพดอกบัว  เป็นกิจกรรมที่ให้วาดภาพออกมาโดยมีองค์ประกอบครบถ้วนมากที่สุด(ไม่ต้องสวยก็ได้)  ซึ่งการวาดภาพให้ให้ได้ละเอียดนี้เปรียบเสมือนการสังเกตเด็กพิเศษที่ครูจะต้องสังเกตให้ดีครบถ้วนไม่คาดสายตาเพราะทุกๆพฤติกรรมมีความสำคัญอย่างมาก
รูปแบบการจัดการศึกษา
  1. การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
  2. การศึกษาพิเศษ (Special Education)
  3. การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
  4. การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 
        เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
  1. การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป 
  2. มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
  3. ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
  4. ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration) 
  1. การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
  2. เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ 
  3. เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้ 
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming) 
  1. การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน 
  2. เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
  3. มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
  4. เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
  1. การศึกษาสำหรับทุกคน
  2. รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา 
  3. จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
Wilson , 2007
  1. การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก 
  2. การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
  3. กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้ 
  4. เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
 "Inclusive Education is Education for all, 
It involves receiving people at the beginning of their education, 
with provision of additional services needed 
by each individual"

สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
        เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา   เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน(Education for All)
การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 
        เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน 
        ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก

ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
“สอนได้”
เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด

บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
  1. ครูไม่ควรวินิจฉัย
  2. ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
  3. ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
ครูทำอะไรบ้าง
        ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัยสังเกตเด็กอย่างมีระบบจดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ

        ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัยสังเกตเด็กอย่างมีระบบจดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
การบันทึกการสังเกต
  1. การนับอย่างง่ายๆ
  2. การบันทึกต่อเนื่อง
  3. การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
การนับอย่างง่ายๆ
  1. นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
  2. กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
  3. ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
การบันทึกต่อเนื่อง
  1. ให้รายละเอียดได้มาก
  2. เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
  3. โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
  1. บันทึกลงบัตรเล็กๆ
  2. เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
  3. การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
  4. ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
  5. พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
การตัดสินใจ
  1. ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
  2. พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
ตัวอย่างการบันทึกต่อเนื่อง
ตัวอย่างการบันทึกเป็นคำๆ
การนำไปประยุกต์ใช้
  • สามารถนำเทคนิคๆต่างเกี่ยวกับการจัการชั้นเรียนไปใช้กับของจริงได้    
การประเมิน
  • ประเมินตนเอง  มีความตั้งใจในการเรียน  มีการจดบันทึกและทำกิจกรรมอย่างตั้งใจ
  • ประเมินเพื่อน  เพื่อนตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี
  • ประเมินอาจารย์  อาจารย์มีสื่อการสอนที่หลากหลาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น